Showing all 44 results

Fire Alarm ระบบไฟอลามแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ราคาถูก

จำหน่าย Fire Alarm ระบบไฟอลามครบชุด ทั้ง Conventional / Addressable Fire Alarm, Fire Control Panel, Smoke Detector, Heat Detector, Manual Call Point, Fire Alarm Bell, Sounder และ Strobe Light พร้อมอุปกรณ์ติดตั้งมาตรฐาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผ่านมาตรฐานความปลอดภัยอาคารและข้อกำหนดทางกฎหมาย

ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ของเราตรวจจับแม่นยำ แจ้งเตือนรวดเร็ว เสถียร ใช้งานง่าย และรองรับการเชื่อมต่อกับระบบป้องกันอัคคีภัยอื่น ๆ ลูกค้าสามารถเลือกซื้ออุปกรณ์หรือใช้บริการออกแบบ–ติดตั้ง–ทดสอบระบบครบวงจรโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ


Fire Alarm System คืออะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง

Fire Alarm System (ระบบไฟอลาม/ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้) คือระบบตรวจจับและแจ้งเตือนเมื่อเกิดควัน ความร้อน หรือเปลวไฟ เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินในอาคาร ทำงานร่วมกับระบบอพยพ ระบบสปริงเกลอร์ และระบบป้องกันอัคคีภัยอื่นๆ

อุปกรณ์หลักประกอบด้วย:

  • Fire Control Panel / Main Panel – แผงควบคุมศูนย์กลาง
  • Smoke Detector – ตัวตรวจจับควัน (Photoelectric / Ionization)
  • Heat Detector – ตัวตรวจจับความร้อน
  • Manual Call Point / Break Glass – สวิตช์แจ้งเหตุด้วยมือ
  • Sounder / Bell / Siren และ Strobe Light – อุปกรณ์แจ้งเตือนเสียงและแสง
  • Notification Devices และอุปกรณ์เชื่อมต่อ เช่น Relay, Output Module
  • สายสัญญาณและอุปกรณ์ติดตั้ง เช่น ท่อร้อยสาย หัวต่อ และแหล่งจ่ายไฟสำรอง (Battery/UPS)

ประเภทของระบบ

ระบบหลักที่ใช้กันทั่วไปมีสองแบบที่ต้องรู้:

  • Conventional Fire Alarm – แยกเป็นโซน ๆ เหมาะกับอาคารขนาดเล็ก-กลาง ติดตั้งง่าย ควบคุมด้วยแผงคอนโทรลแบบพื้นฐาน
  • Addressable Fire Alarm – ตรวจจับแยกจุดได้แม่นยำ แต่ละอุปกรณ์มีที่อยู่ (address) เหมาะกับอาคารขนาดกลาง-ใหญ่ โรงงาน ศูนย์การค้า และอาคารที่ต้องการระบุจุดเกิดเหตุอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ยังมีระบบผสมและระบบที่เชื่อมต่อกับ BMS (Building Management System) เพื่อการจัดการอาคารแบบรวมศูนย์

วิธีการเลือกซื้อ Fire Alarm

เลือกซื้อระบบไฟอลามให้เหมาะสมควรพิจารณาดังนี้:

  1. ชนิดและขนาดอาคาร – บ้านพักอาศัย เล็ก, สำนักงานกลาง, โรงงาน, คลังสินค้า จะมีความต้องการต่างกัน
  2. Conventional vs Addressable – ถ้าต้องการระบุจุดแม่นยำและขยายระบบในอนาคต เลือก Addressable
  3. มาตรฐานและการรับรอง – เลือกอุปกรณ์ที่ผ่านมาตรฐานสากลและข้อกำหนดท้องถิ่น (Fire Safety code)
  4. ฟังก์ชันการตรวจจับ – เลือกประเภท Detector ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อม (ควันมาก ฝุ่นมาก หรือความร้อนสูง)
  5. การเชื่อมต่อและความเข้ากันได้ – ตรวจสอบการเชื่อมต่อกับระบบสปริงเกลอร์, BMS, ระบบแจ้งเตือนภายนอก
  6. บริการออกแบบ–ติดตั้ง–ทดสอบ – ควรเลือกผู้จำหน่ายที่มีบริการสำรวจหน้างาน ออกแบบระบบ ติดตั้ง และทดสอบ (Commissioning)
  7. การรับประกันและบำรุงรักษา – เลือกผู้จำหน่ายที่มีบริการหลังการขาย บำรุงรักษาตามรอบ และรับประกันสินค้า/งานติดตั้ง
  8. งบประมาณและความคุ้มค่า – เทียบสเปก ราคา และค่าใช้จ่ายระยะยาว (การซ่อมบำรุง/แบตเตอรี่สำรอง)